วันจันทร์, พฤศจิกายน 5

9 อุปกรณ์ IT ในวันวานที่ยังจำได้

หากคุณ อายุ 22- 40 ปี คุณอาจจะจำเพื่อนเก่าเหล่านี้ของคุณได้...
วันนี้เราขอพามาย้อนอดีตรำลึกอุปกรณ์พวก Gadget และการสื่อสารที่เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบของเทคโนโลยีจนกลายเป็นอุปกรณ์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ แหม! ดูทีไรมันอดอมยิ้มไม่ได้ซินะ พอดีเราไปค้นเจออุปกรณ์เก่าๆ ในบ้านสมัยเด็กๆ เข้าให้เลยเป็นแรงบัลดาลใจให้ทำเป็นเรื่องราวในวันนี้ขึ้นมา เพราะทุกครั้งเวลาไปเจออุปกรณ์เก่าๆ ทีไรมักทำให้อดคิดถึงเรื่องราวตอนที่ใช้งานมันทุกที สรุปแล้วใครที่เข้ามาอ่านบทความในวันนี้ เราจะบอกว่าคุณเริ่มแก่แล้วนะ อิอิ กลายเป็นบทความรวมพลคนสูงอายุไปในตัวเลยก็แล้วกัน

♥ ชิ้นที่ 1 Game and watch จุดกำเนิดความฝันยามเด็ก
ของเล่นยอดฮิตของเด็กสมัยยุค 80 ไปโรงเรียนต้องแอบพกพาไปเล่นด้วย เราเคยร้องกระจองอแง รบเร้าให้พ่อซื้อให้ ร้องจนคอแห้งไปหลายวัน ในที่สุดก็ได้ ฮ่าๆๆ เด็กนิสัยไม่ดี ซื้อแถวของถมในสมัยนั้นในราคา 500 บาท ปัจจุบันนี้ยังเก็บรักษาเป็นอย่างดี Game and watch ในปัจจุบันได้พัฒนากลายมาเป็นเครื่องเล่นเกมส์พกพาสารพัดรูปแบบ แม้กระทั่ง Sony PSP หรือ Nintendo DS Lite
มันคือของเล่นสุดยอดความฝันของเด็กยุคนั้นจริงๆ ถ้าใครมีเล่นและได้จับจองเป็นเจ้าของจะรู้สึกดูเท่ห์พิกล ก็ในสมัยนั้นคอมพิวเตอร์มันยังไม่มีนี่คะ เล่นแต่เกมส์เศรษฐีแบบเป็นกระดานกระดาษ ที่ต้องเอาแบ๊งค์ปลอมๆ ไปซื้อ โฉนดที่ดิน กับโรงแรม พอเจอเจ้า Nintedo แบบนี้เข้าไปเลยกลายเป็นจุดเปลี่ยนของเด็กยุคนั้น
♥ ชิ้นที่ 2 Family Computer หรือ Famicom สุดยอดของเล่นที่เด็กทั่วโลกอยากครอบครอง
เป็นเครื่องเล่น VDO Game ที่ฮิตต่อมาจาคยุคสมัยของอาตาริ และเป็นต้นกำเนิดตัวละครมาริโอที่โด่งดังไปทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้ ในสมัยก่อนจำได้ว่าเครื่อง Famicom เมื่อสักยี่สิบปีที่แล้ว ราคาเริ่มต้นที่เครื่องละ 3200 บาทแถมเกมส์สุดติงต๊อง 24Kb ให้หนึ่งตลับ เป็นVDO เกมส์ในยุคพลิกประวัติศาสตร์สามารถเปลี่ยนตลับเกมส์และภาพมีความสวยสดงดงาม มีเกมส์ให้เลือกหลายแบบ ตั้งแต่ 24 k , 48 , 64k , 128k และ 256 k หาก K ยิ่งสูงเกมส์ก็จะยิ่งสนุกเพราะมีเรื่องราวและกราฟฟิคที่บรรจุได้เต็มรูปแบบ ในสมัยนั้นหากใครจะซื้อเกมส์คงต้องรวยเอามากๆ โดยเฉพาะตลับเกมส์ที่มีแต่ของแท้ ทำให้เกิดธุรกิจแลกเปลี่ยนเกมส์ขึ้นมา ยังจำร้านม้าไม้ และร้านมาริโอที่ มาบุญครองได้ไหมคะ มันคือแหล่งความฝันของเด็กๆ ที่ไปยืนเกาะตู้กระจกดูเช้าดูเย็น แต่หากเสาร์อาทิตย์ว่างๆ ก็ตลาดปีนังแถวคลองเตยเลยค่ะแหล่งเกมส์มันส์ๆ มีร้านให้แลกเกมส์เพียบ
สำหรับใครที่พอจะมีตังค์มากหน่อยก็อาจจะซื้อ Disk system มาเสริมกับ Famicom ซึ่งจริงๆ มันก็คือ Drive A ธรรมดานี่แหละกับแผ่น Disk ที่คล้ายๆ กับของ PC ที่เราใช้งานกันอยู่ แต่ Disk system แบบนี้สามารถใช้ถ่านหรือหม้อแปลงก็ได้ และที่สำคัญเกมส์มันจะสนุกและถูกกว่าซื้อตลับเยอะเลย
ในสมัยนั้นจำได้ว่าบ้านไหนมี Famicom รับรองว่าคุณจะเป็นคนที่เพื่อนรักที่สุดในกลุ่มเลยล่ะ แล้วเสาร์อาทิตย์หรือหลังเลิกเรียนที่บ้านก็จะมีเพื่อนมาร่วมสุมหัวจนค่ำ มากันเพียบหัวกระไดไม่แห้ง ยิ่งกว่าโดนสเน่ห์ยาแฝดซะอีก จนมาปัจจุบัน Nintendo กลายมาเป็นรุ่น Wii ที่พัฒนากันมาไกลจากยุค Famicom มากทีเดียว คิดถึงสูตร 30 ตัวของเกมส์คอนทราจริงๆ เลย ขึ้นๆ ลงๆ ซ้ายขวา ซ้ายขวา A B Start อิอิ!
♥ ชิ้นที่ 3 กล้องฉายภาพสไลด์ View Master อุปกรณ์หลอกเด็กหลังเลิกเรียน
อันนี้เป็นของเล่นอีกชิ้นหนึ่งที่เด็กยุคก่อนต้องเคยเป็นเจ้าของหรือเคยเล่นมาก่อนเป็นกล้องที่เอาภาพสไลด์ใส่แล้วส่องดู สไตล์แบบ Analog แต่เดี๋ยวนี้มันยุคดิจิตอลแล้วค่ะ เดี๋ยวนี้เวลาจะดูภาพถ่ายก็ใช้เป็นไฟล์ภาพแล้วไปดูกับพวกเครื่อง PDA หรือ Ipod
สำหรับกล้อง Viewmaster แบบนี้ไม่ใช่ของเล่นไฮโซอะไรมากนัก เพราะจำได้ว่าเมื่อก่อนตอนโรงเรียนเลิกที่หน้าโรงเรียนมักจะมีพ่อค้าหนังแผ่นแบบนี้เอามาให้เช้าดูหนังฟิล์มแบบหนังไทย มีตั้งแต่หนังผี ยันหนังตลก ตามงานวัดก็เห็นออกบ่อยที่จะมีพ่อค้าหนังเร่ เอากล้องแบบนี้ให้เช่าดูหนังแบบภาพนิ่ง ซึ่งก็เป็นฟิล์มหนังจริงๆ แต่เค้าตัดออกมา ดูแล้วอย่างกับเทลเลอร์หนังในปัจจุบัน เพราะตัดเอาเฉพาะภาพไฮไลท์เด็ดๆ ในแต่ละช่วงของหนังทั้งเรื่องมาทำให้เช่าดู ครั้งละ 5 บาท

♥ ชิ้นที่ 4 โทรศัพท์เคลื่อนที่ อิริคสัน ฮ๊อตไลน์ ใหญ่แต่เท่ห์
แทบไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าแค่สิบกว่าปี โทรศัพท์มือถือยุคปัจจุบันมันเล็กขนาดใส่กระเป๋าเสื้อได้สบายๆ สำหรับเจ้าโทรศัพท์อิริคสันรุ่นแรกนี้เราเห็นครั้งแรกตอนเด็กๆ ยังอึ้งกับขนาดว่า ไม่น่าเชื่อว่าเราจะสามารถแบกโทรศัพท์ไปคุยนอกบ้านได้แล้ว ต้องใช้คำว่าแบกนะคะเพราะเครื่องมันหนักเป็นกิโลเลยล่ะ เครือข่ายสมัยก่อนก็น่าจะเป็นคลื่นแบบ 470 MHz ส่วนราคาเปิดตัวในยุคนั้น มีร้องจ๊าก! เพราะเห็นใหญ่ๆ แบบนี้เครื่องละเป็นแสนเชียวค่ะ ส่วนค่าโทรก็มหาโหดนาทีละ 3 บาท แต่โทรทางไกลถูกหน่อย เลยมีพวกพ่อค้าหัวใสตามต่างจังหวัดเอาไปเปิดโต๊ะให้โทรทางไกลในราคาถูกลง ยอมลงทุนซื้อเครื่องราคาเป็นแสน แต่มันก็สามารถคืนทุนได้เร็ว ส่วนการจะนำไปใช้ในรถนี่ ต้องวัดใจกันเลยล่ะค่ะเพราะรถยนต์ที่จะเอาโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปติดในรถเพื่อคุยไปขับรถไปได้นั้น มันต้องเจาะกระโปรงรถเพื่อต่อเสาอากาศออกภายนอก ไม่งั้นรับคลื่นไม่ได้ มายุคสุดท้ายที่เราเห็นไอ้เจ้าโทรศัพท์แบบนี้ ส่วนมากกลายเป็นโทรศัพท์รุ่นขวัญใจชาวประมง เค้าเอาไปติดตามเรือประมงกัน ถ้ามายุคนี้ขืนยังแบกแบบนี้อยู่ คนคงจะงงคิดว่าจะมาวางระเบิดในห้างแน่ๆ

♥ ชิ้นที่ 5 Motorola Dynatac ฮิตไม่ฮิต กระติกน้ำยังต้องเลียนแบบ
โทรศัพท์ Motorola รุ่นกระติกน้ำ ชื่อจริงๆ คือรุ่น Dynatac ในระบบอนาลอค เป็นรุ่นที่ฮิตมากในอดีต เราเชื่อว่าในที่นี้หลายท่านก็คงเคยใช้ใช่ไหมคะ ในสมัยก่อนตัวแค่นี้ก็คือว่าเล็กแล้ว พกพากันเกลื่อนเมือง สมัยก่อนโทรศัพท์ระบบยังไม่ใช่ดิจิตอลคุยไปก็มีเสียงกวนเข้ามา และที่พิเศษสุดๆ เลยก็คือหากถือเครื่องแบบนี้ไปเดินคุยแถวร้านขายมือถือในมาบุญครอง อาจจะโดนจูนคลื่น แล้วก๊อปปี้ไปใช้โดยไม่รู้ตัวจะรู้อีกทีก็ตอนมีบิลเรียกเก็บตอนสิ้นเดือน แต่มันก็ฮิตขนาดจนมีคนเอาไปทำเป็นกระติกน้ำเลียนแบบหุ่นรูปทรง เอ!! ไม่แน่ใจว่ารุ่นนี้มี Bluetooth หรือเปล่า จำไม่ได้ อิอิ

♥ ชิ้นที่ 6 Pager อุปกรณ์สร้างความรักของเด็กวัยรุ่นยุค 90
ไม่รู้เดี๋ยวนี้หายหน้าหายตากันไปไหนหมดแล้ว บางคนที่มีเก็บอยู่ก็เอาไปทำนาฬิกาปลุกบนหัวเตียงซะแล้ว เจ้า Pager นี้มันคือเครื่องมือสื่อสารยอดนิยมของเด็กวัยรุ่นยุคต้นปี 90 เมื่อก่อนมักจะได้ยินเวลาวัยรุ่นพูดกันว่า "เดี๋ยวถ้ามีอะไรจะเพจไปบอกนะ" ซึ่งการใช้งานก็ต้องโทรเข้าศูนย์ไปฝากข้อความ มันก็เขินนะ ถ้าจะฝากคำหวานๆ เวลาจะบอกแฟนแล้วต้องผ่านโอเปอเรเตอร์ที่ศูนย์ มายุคนี้ Pager หายสาบสูญไปจากโลกนี้กลายเป็น SMS แทน เพราะสะดวกไม่ต้องไปบอกคำหวานหรือความลับผ่าน โอเปอเรเตอร์อีกแล้ว ผู้ให้บริการ Pager ต่างก็เลยเก็บข้าวเก็บของไปหางานด้านอื่นทำกันหมดแล้ว แต่มันก็คืออุปกรณ์ในความทรงจำที่หลายๆ คนต้องเคยพกมันอย่างแน่นอน

♥ ชิ้นที่ 7 Sony Walkman ต้นกำเนิดเสียงเพลงพกพา
Sony Walkman เด็กๆ เราอยากได้มาก แต่มันแพงมากเกินเอื้มเครื่องละประมาณ พันห้าร้อยบาท เรายังจำได้เลย มีวิทยุกับเครื่องเล่นเทปในตัว ในปัจจุบัน walkman กลายพันธุ์พัฒนามาเป็นเครื่องเล่นเพลงพกพาในปัจจุบัน หลายชนิดแม้กระทั่ง iPOD เอ!! หรือว่า สตีฟ จ๊อบ เขาจะติดใจได้แรงบันดาลใจมาจาก Walkman ก็เป็นได้ว่าไหมคะ

♥ ชิ้นที่ 8 วีดีโอเทป ชอบขึ้นรา
เดี๋ยวนี้ถ้าไปตามห้างแล้วจะไปบอกพนักงานว่าจะมาซื้อเครื่องเล่น VDO สงสัยพนักงานต้องทำหน้า งงๆ กันแน่ เพราะมันถึงยุค DVD กันแล้ว สำหรับ VDO เทปและเครื่องเล่นสมัยนี้แทบจะหาไม่ได้แล้วเพราะมันสูญพันธุ์ไปอย่างรวดเร็วเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง หลังจากโดนกระแส VCD และ DVD ถล่มซะย่อยยับ เมื่อก่อนเวลาไปเช่าหนังตามร้าน ต้องแบกกันไปหนักอึ้งยิ่งเป็นหนังจีนชุดล่ะก็ แบกกันเป็นสิบๆ ม้วน แถมยังต้องหาซื้อเครื่องกรอเทปไว้ที่บ้านอีกต่างหาก เพราะกรอกับเครื่อง VDO เดี๋ยวจะพังเร็ว และที่สำคัญ VDO เทปแบบนี้เก็บนานๆ ชอบขึ้นราทุกที เฮ้ออ มันหายไปจากโลกนี้แล้วล่ะค่ะ

♥ ชิ้นที่ 9 แผ่นดิสก์ขนาดมหึมา 5.25 นิ้ว
ความทรงจำที่ยังไม่เลือนลางกับ แผ่น ดิสก์ ขนาด 5.25 นิ้วซึ่งปัจจุบันหาดูไม่ค่อยได้ ตัว Drive ก็มีขนาดใหญ่พอๆ กับ CD Rom ใส่แผ่นแล้วต้องมีตัวล๊อคหมุนปิดลงมา เวลาเลิกใช้เอาแผ่นออกก็หมุนล๊อคแล้วแผ่นก็เด้งออกมา ปัจจุบันสื่อเก็บข้อมูลพัฒนาไปจนมีขนาดเล็กและความจุสูงเป็น GB อย่าง Flash Drive ขนาดเล็กๆ ตัวเท่านิ้วก้อย ก็เก็บข้อมูลได้เป็น GB แล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ใครยังใช้ดิสก์แบบนี้อยู่อีกหรือเปล่า

สำหรับเรื่องราวในวันนี้ก็เป็นเรื่องราวของอุปกรณ์ในอดีตที่เรียกว่าเป็นเครื่องต้นแบบทำให้เรามีเทคโนโยแบบแปลกใช้กันในวันนี้ หลายคนเห็นภาพแล้วอาจจะแอบยิ้มว่า ฉันก็เคยใช้นะได้เครื่องรุ่นนี้ รุ่นนั้นด้วย ก็เป็นความทรงจำเก่าๆ ที่เราเอามาให้ดูกันผ่อนคลายอารมณ์ค่ะ แล้วก็เลยกลายเป็นบทความรวมพลคนสูงอายุไปในตัวด้วย ฮ่าๆๆ แต่เรายังไม่แก่นะ เพียงแต่เกิดทันยุคที่เขาใช้กันต่างหาก
สรุปทิ้งท้ายกันอีกสักหน่อยละกัน เห็นไหมค่ะว่าเทคโนโลยีมันเปลี่ยนเร็วแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นสินค้าแพงระดับเรือนแสน หากเป็นสินค้าเทคโนโลยียังไงมันก็จะกลายเป็นวัตถุโบราณราคาแพงที่บางทีเก็บเอาไว้ก็ไม่เคยกลับไปใช้มันอีกเลย มีเงินมีทองก็อย่าไปจับจ่ายกับสินค้าพวกนี้มากนะคะเพราะยังไงเราก็ไม่มีทางวิ่งตามมันทันอย่างแน่นอน แค่ศึกษาอ่านและเก็บความรู้ให้เท่าทันมันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ แค่นี้เราก็เป็นคนที่ทันเทคโนโลยีสมัยใหม่ตลอดเวลาแล้วล่ะค่ะ
ที่มา : Forward mail