แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ คพ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ คพ แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดี, มกราคม 10

Seminar.•°★ การเขียนโปรแกรมประเภท GUI ด้วย LabVIEW

การสัมนาเรื่อง "การเขียนโปรแกรมประเภท GUI ด้วย LabVIEW" ได้จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 5 มกราคม 2551 ณ ห้องประชุมชั้น 3 อาคาร 27 มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่
LabVIEW ย่อมาจาก Laboratory Virtual Instrument Engineering Workbench หมายความว่าเป็นโปรแกรมที่สร้างเครื่องมือวัดเสมือนจริงในห้องปฏิบัติการทางวิศวกรรม จุดประสงค์หลักของโปรแกรมคือการจัดการในด้านการวัดและเครื่องมือวัดอย่างมีประสิทธิภาพและในตัวของโปรแกรมจะประกอบไปด้วยฟังก์ชันที่ใช้ช่วยในการวัดมากมาย โปรแกรมนี้จะมีประโยชน์อย่างสูงเมือใช้ร่วมกับเครื่องมือวัดทางวิศวกรรมต่าง ๆ
การสัมนาในวันนี้ได้เชิญวิทยากรที่มีความรู้โดยตรงมากล่าวบรรยาย วิทยากรท่านนี้ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย ซึ่งได้ใช้เวลาในการศึกษาเพื่อรวบรวมเป็นหนังสือเป็นเวลากว่า 4 ปี ในระหว่างการบรรยายนั้น ท่านวิทยากรได้สาธิตการใช้โปรแกรมให้ดู เมื่อเวลาที่ท่านวิทยากรสาธิตนั้นดูช่างจะง่ายดาย หากผู้เข้าร่วมการฟังสัมมนาได้มีโอกาสทำตามในทันทีอาจจะสามารถทำตามได้ และหากต้องการเรียนรู้ให้ลึกซึ้งถ่องแท้อาจต้องจัดอบรมเป็นคอร์สที่ต้องใช้เวลามากกว่านี้
บรรยากาศในการสัมมนานั้นจัดว่าดีมาก ดิฉันพอใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ในตอนใกล้จะเสร็จสิ้นการสัมมนานั้น ทีมงานดูจะตะกุกตะกักอยู่สักหน่อย แต่ในท้ายที่สุดแล้วการสัมมนาในครั้งนี้ก็จบลงด้วยดี
ดิฉันขอขอบคุณทีมงานที่ได้ร่วมมือกันจัดสัมมนาในวันนี้ให้ได้เกิดขึ้น ซึ่งทำให้ดิฉันมีความรู้และประสบการณ์ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น .. ขอบคุณค่ะ ^^

วันพุธ, มกราคม 2

Seminar.•°★ "Network security for SMEs"

เมื่อวันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม 2550 ที่ผ่านมา ได้มีการจัดสัมมนาในหัวข้อ "Network security for SMEs" ณ ห้องเอื้องเงิน ชั้น 7 อาคารวิทยบริการ ประธานเปิดงานคือ คุณคเชนทร์ คันธเลิศ และวิทยากรที่มาบรรยายนั้นได้แก่คุณอภิเดช เตจ๊ะแก้ว ซึ่งเป็นผู้ดูแลระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรภาค 5
• สำหรับบรรยากาศในการสัมมนานั้นราบรื่นดี มีการเตรียมงานที่ดีค่ะ แต่ว่าอุณหภูมิต่ำไปนิด ทำให้หนาวกันถ้วนหน้าค่ะ
• ในเรื่องของวิทยากรเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ สามารถให้ความรู้ได้เป็นอย่างดีค่ะ วิทยากรนั้นดูออกจะดุไปสักนิด (แอบกลัวค่ะ ^^)
• เวลาพักรับประทานอาหารว่างนั้นเหมาะสมดีค่ะ และขนมเรียบง่ายดี แต่อร่อยค่ะ
ซึ่งโดยรวม ๆ แล้วเป็นที่น่าพอใจค่ะ
การจัดสัมมนาในครั้งนี้จัดโดย นักศึกษา บธ.คพ.48.บ2.01 กลุ่มที่ 1 ซึ่งจัดได้ค่อนข้างดี อีกทั้งยังเป็นกลุ่มแรกซึ่งจะช่วยในการเป็นตัวอย่างให้กับกลุ่มต่อ ๆ ไปได้นำข้อผิดพลาดมาเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี

วันอาทิตย์, ธันวาคม 16

ทำความรู้จักกับ VPN

VPN ย่อมาจาก Virtual Private Network เป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่อเครือข่ายนอกอาคาร (WAN - Wide Area Netwok) ที่กำลังเป็นที่น่าสนใจและเริ่มนำไปใช้ในหน่วยงานที่มีหลายสาขา หรือ มีสำนักงานกระจัดกระจายอยู่ในหลายภูมิภาค ในระบบ VPN การเชื่อมต่อระหว่างสำนักงานโดยใช้เครือข่าย อินเตอร์เนต แทนการต่อเชื่อมด้วย Leased line หรือ Frame Relay
PN : Private network คือเครือข่ายภายในของแต่ละบริษัท (Public Network คือเครือข่าย สาธารณะเช่น Internet) Private network เกิดจากการที่บริษัทต้องการเชื่อมเครือข่ายของแต่ละสาขา สำนักงาน เข้าด้วยกัน (กรณีพวกที่เชื่อมต่อด้วย TCP / IP เลขที่ IP ก็จะกำหนดเป็น 10.xxx.xxx.xxx หรือ 192.168.xxx.xxx หรือ 172.16.xxx.xxx) ในสมัยก่อนจะทำการเชื่อมต่อด้วย leased line หลังจากที่เกิดการเติบโตของการใช้งาน Internet และการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง การปรับปรุงในเรื่อง ความเร็วของการเชื่อมต่อ ทำให้เกิดแนวคิดในการแทนที่ leased line หรือ Frame Relay ซึ่งมีราคาแพงด้วย Internet ที่มีราคาถูกกว่า แล้วตั้งชื่อ Virtual Private Network
เพื่อประสิทธิภาพในการเรียนสูงสุด กรุณาเปิดหน้านี้ทิ้งไว้ 30 วินาที จากนั้นจึงค่อยกด Play
หากต้องการขยายภาพเต็มหน้าจอกรุณาคลิ๊กขวาที่ VDO ไปที่เมนู Zoom แล้วเลือก Full Screen


Related link :

วันอาทิตย์, ธันวาคม 9

SnuzNLuz :: นาฬิกาปลุกหักเงิน (ไม่ตื่นหมดตัวไม่รู้เอ้า)

เคยอ่านข่าวเกี่ยวกับนาฬิกาปลุกที่ไม่ว่าคนจะขี้เซา แค่ไหนก็ต้องตื่น เมื่อถึงเวลาปลุก มันจะยิงลูกบอล พลาสติก 4 ลูกออกไปทั่วทุกทิศ และนาฬิกาจะไม่หยุดดัง จนกว่าจะนำลูกบอลทั้งหมดกลับมาวางไว้ที่เดิม แต่นาฬิกาที่นำมาแนะนำวันนี้โหดร้ายกว่านั้นมากเลยค่ะ

นาฬิกาปลุก SnuzNLuz (Snooz and Lose = กดแล้วเสียตังค์) เป็นนาฬิกาปลุกที่มี Wifi ในตัว และเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ทได้ เมื่อถึงเวลาปลุก นาฬิกาจะดังเป็นเวลาหลายนาทีด้วยกัน อาจจะ ฟังดูธรรมดา แต่ถ้าคุณกดปุ่ม Snooz เมื่อไหร่ (ปุ่มที่กดแล้วจะ ดับไป 5 นาทีแล้วดังใหม่อีกที ฯลฯ) นาฬิกาจะส่งข้อมูลตัดบัญชีบัตรเครดิตของคุณทันที และจะโดนเงินตามที่ตั้งค่าไว้ไป ให้องค์กรที่ไม่ควรค่าแก่การสนับสนุนเช่น มูลนิธิสนับสนุนการทำแท้ง หรือ องกรณ์สนับสนุนการก่อการร้าย ฯลฯ ราคาค่าตัวเพียง $40 ~ 1,400 บาทเท่านั้น ถ้าคิดว่าการนอนต่ออีกนิดหน่อยคงจะไม่เป็นไร วันนี้อาจจะต้องคิดใหม่อีกที

ที่มา Fwdder.com

วันอาทิตย์, ธันวาคม 2

กุญแจข้อมูล USB สำหรับทหาร

Iron Key ได้พัฒนากุญแจ USB สำหรับแอพพลิเคชันทางการทหารและองค์กรขนาดใหญ่ สำหรับองค์กรแล้ว กุญแจ USB นี้จะเป็นตัวเข้ารหัสทางฮาร์ดแวร์ สำหรับทางการทหาร อุปกรณ์นี้มีความแข็งแรงทนทาน เนื่องจากเคสสามารถทนแรงกระแทกและทนน้ำได้
ข้อมูลจากเว็บไซต์แจ้งว่า “จะต้องมีรหัสผ่านที่ใช้เพื่อปลดล็อก IronKey ซึ่งจะตรวจสอบด้วยฮาร์ดแวร์ ถ้า IronKey นี้สูญหายหรือถูกขโมย ถ้ามีความพยายามที่จะปลดล็อก อุปกรณ์นี้ก็จะทำลายตัวเอง เพื่อให้มั่นใจว่า ข้อมูลจะเป็นความลับสูงสุด”
ที่มาของข่าว : กองบรรณาธิการเว็บไซต์ ARiP.co.th

วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 25

มาทดสอบความรู้คอมพิวเตอร์ออนไลน์กันเถอะ

มาทดสอบความรู้คอมพิวเตอร์ออนไลน์กันเถอะ
http://www.bcoms.net/test_online/index.asp
มีทั้งหมด 48 ชุดนะคะ อ้ะเริ่มลงมือกันเล้ย

วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 18

sober ไวรัสใหม่ บ่อนทำลายวินโดวส์

ณ เวลา 11.30 AM ของวันที่ 5 พฤศจิกายน 2550 sober ไวรัสใหม่ บ่อนทำลายวินโดวส์ ขอให้ทุกท่านระวังกันให้ดี..... ก่อนถูกจู่โจมก่อน โดยไม่ทันระวังตัว...
วินโดวส์ ระบบปฏิบัติการยอดฮิตของเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคนี้ยังไม่พ้นวิบากกรรม หนอนโซเบอร์กำลังแพร่กระจายผ่านทางอีเมลไปยังเครื่องต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว โดยตอนนี้ที่เยอรมันกำลังระบาดหนักกว่าใคร ตามมาด้วยอังกฤษ มีการวิเคราะห์ว่าโซเบอร์เกี่ยวพันกับโซบิ๊ก (Sobig) ไวรัสที่แพร่ระบาด เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาด้วย บริษัทซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสหลายค่าย เช่น Symantec ออกแถลงการณ์เตือนผู้ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ให้ระวังเวิร์มตัวใหม่ชื่อ “Sober” ซึ่งเริ่มแพร่กระจายผ่านอินเตอร์เน็ตอย่างรวดเร็วอยู่ในขณะนี้ โดยมีการตรวจพบไวรัสดังกล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (28 ต.ค.) และทาง Symantec ได้ตั้งค่าอัตราความรวดเร็วในการแพร่กระจายของมันไว้ที่ระดับต่ำ และยังไม่มีความรุนแรงมากนักอยู่ ชื่อเรียกของหนอนตัวนี้ มีหลายชื่อตามบริษัทแต่ละบริษัทจะตั้ง ได้แก่ W32/Sober@MM I-Worm.Sober W32/Sober-A WORM_SOBER.A Sober W32/Sober.A@mm W32/Sober.A Win32/Sober.A Win32.Sober.A ระบบปฏิบัติการที่รอดพ้นจากการตกเป็นเหยื่อของโซเบอร์ได้แก่ DOS, Linux, Macintosh, OS/2, UNIX
การแพร่กระจายของโซเบอร์
การแพร่กระจายของไวรัสโซเบอร์นี้ ใช้วิธีติดต่อผ่านทางอีเมลโดยจะใช้ชื่อและหัวข้ออีเมลที่แตกต่างกัน และเป็นชื่อที่เรียกร้องความสนใจให้ผู้รับเปิดออกอ่าน เช่น เป็นเมลแจ้งเตือนไวรัสตัวใหม่กำลังระบาด หรืออีเมลที่แจ้งเตือนว่ามีไฟล์ที่ส่งออกไปของคุณนั้นติดไวรัส ฯลฯ เหล่านี้เป็นต้น แม้ว่าจะมีหลายคนมองออกว่าเป็นลูกไม้เก่า ๆ ของพวกนักปล่อยไวรัสแต่ก็ยังมีผู้ใช้อีกหลายคนที่มองโลกในแง่ดีเสมอ รวมทั้งกับเมลลักษณะนี้ จึงหลงเชื่อง่าย ๆ และเปิดออกอ่านโดยไม่พิจารณาให้ถี่ถ้วน โซเบอร์แพร่กระจายผ่านทางอีเมลเอนจินของตัวเองทำให้มันสามารถส่งตัวเองไปยังเครื่องต่าง ๆ ได้โดยไม่ผ่านระบบการตรวจสอบจากอีเมลเอนจินไวรัสโซเบอร์นี้กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ในประเทศเยอรมัน และอังกฤษระบบปฏิบัติการที่เป็นเป้าหมายของโซเบอร์คือระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 2000, 95, 98, Me, NT, Server 2003 และ XP เรียกว่ารวมเอาระบบปฏิบัติการที่ใช้กันอยู่อย่างแพร่หลายทั่วโลกมาสร้างความอกสั่นขวัญหายกันเลยทีเดียวแต่การแพร่กระจายของโซเบอร์นั้น จะมีความคล้ายคลึงเช่นเดียวกับไวรัสตัวอื่น ๆ ก็คือ ผู้ใช้ต้องเปิดเมลดังกล่าวขึ้นมาก่อน และต้องไว้เนื้อเชื่อใจคนส่งเมลที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อนคนนั้นมาก ๆ จนคลิกดาวน์โหลดไฟล์ที่เขา Attachมาให้ แต่ถ้าไม่มีการดาวน์โหลดไฟล์ที่ Attach มาด้วยและลบแมสเซสนี้ไป ก็ไม่ต้องวิตกกังวล แต่อย่างใดสำหรับผู้ที่หลงตกเป็นเหยื่อให้โซเบอร์ไปแล้ว เมื่อติดตั้งเสร็จ ก็อาจจะทำให้ผู้ใช้เหล่านั้นตายใจว่าตัวเองรอดพ้นจากการตกเป็นเป้าหมายไปได้ ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วพบว่าไวรัสโซเบอร์และโซบิ๊ก (Sobig) นั้นมีความเกี่ยวพันกันอยู่บางประการเนื่องจากในโค้ดของไวรัสโซเบอร์นี้มีข้อความยกย่อง ผู้สร้างไวรัสโซบิ๊กเอาไว้ด้วยขณะนี้องค์กรด้านซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสได้เริ่มออกประกาศให้ผู้ใช้ทำการอัปเดตซอฟต์แวร์แอนติไวรัสของตนเองโดยด่วน หากเกิดกรณีได้รับอีเมลที่ไม่คาดหมายชนิดนี้ขึ้นมาสิ่งที่ควรไตร่ตรองก่อนเปิดเมลอ่านแต่ละครั้งการเปิดอ่านอีเมลจากคนที่ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวนั้น ค่อนข้างเสี่ยงเอาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลายต่อหลายครั้ง เราพบว่าอีเมลต่าง ๆ มักใช้ชื่อของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการซอฟต์แวร์ “ไมโครซอฟท์” ว่าเป็นซอฟต์แวร์อัปเดต ฯลฯ หลายคนหลงเชื่อและทำการติดตั้ง แต่สิ่งที่อยากให้ตระหนักไว้ก็คือการดาวน์โหลด Patch ต่าง ๆ เพื่อแก้ไขจุดโหว่ต่าง ๆ บนวินโดวส์นั้น ทางผู้ผลิตให้ผู้ใช้เข้าไปดาวน์โหลดเองที่เวบไซต์ตามที่ประกาศเอาไว้เท่านั้น คงไม่มีบริษัทซอฟต์แวร์รายใดมีความสามารถล่วงรู้ว่าท่านนั้น ใช้ระบบปฏิบัติการไมโครซอฟท์แน่นอน จึงส่ง Patch มาให้ผ่านทางอีเมล ดังนั้นการจะเปิดเมลเหล่านี้แต่ละครั้งจึงอยากให้มีการไตร่ตรองอย่างละเอียด รอบคอบสักนิด ก่อนที่จะเชื่อหรือส่งต่อ
ที่มา:
http://www.thainethost.com/security_alert/sober.html

วันอังคาร, พฤศจิกายน 13

ใครคิดจะใช้Vista ควรอ่านครับ

บทความที่ท่านจะได้อ่านในต่อไปนี้นั้นจะทำให้ท่านรู้ว่า ท่านควรจะอดใจรอ Windows Vista ต่อไปก่อนจะใช้งานจริงนะครับ

1.) Windows Vista นั้นยังไม่สมบูรณ์ - ทาง M$ เองในตอนนี้นั้นก็พึ่งได้ประกาศออกแผนการในการจะทำ SP1 ของ Windows Vista อยู่นะครับ ซึ่งการประกาศออกมาเร็วแบบนี้นั้นทำให้เรารู้ได้เลยว่า VIsta นั้นยังมีหลายจุดที่ต้องปรับปรุงอยู่ครับ
- อีกอย่างทาง บ. Softwares หลายๆแห่งนั้นก็ยังไม่ค่อยได้ทำโปรแกรมออกมารองรับ Vista ได้มากซักเท่าไรนะครับ คือกำลังง่วนๆทำกันอยู่อาจใช้เวลาอีกระยะนึงครับ รวมถึง บ ยักษ์ใหญ่อย่าง Creative ซึ่งโด่งดังในเรื่อง Sound Hardware นั้นก็กำลังเร่งผลิต drivers ที่จะทำให้ product ของตัวเองนั้น support Vista ได้ครับ ถึงตอนนี้ก็ผลิตไปแค่ประมาณ 40%-60% จากทั้งหมดเองครับ คือว่า products แกเยอะก็ต้องทำใจครับ รวมถึงอีก บ. AMD ที่ได้รวมกับ ATI ไปแล้วนะครับ ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่สามารถทำ driver ที่ออกมารองรับ Vista ได้จริงๆครับ ออกมาแต่ version beta แก้หน้าไปก่อน
- ส่วนเรื่องเกมส์ เด็ดๆที่ต้องใช้ Directx 10 นั้นก็แพงเกินไปในตอนนี้ครับ ถ้าต้องเสียตังซื้อ Vista มาแล้วยังต้องเสียตังซื้อ card จอ support อีก 20xxx นั้นก็ไม่ไหวนะครับ ยกเว้นว่าคุณจะเหลือเงินใช้ครับ
- เรื่อง Software Antivirus ต่างๆเองนั้นก็ยังไม่ support ได้เต็มที่ครับตอนนี้เห็นได้แต่ NOD32 ที่พร้อมแล้วส่วน mcafee, trends micro และ panda นั้นยังไม่พร้อมจนกว่าจะถึงจะอีกระยะนึง ครับในไม่กี่อาทิตย์แต่ไม่รู้ว่าจะออกมาดีหรือเปล่า
2.) Windows Vista นั้นแพงมากไม่ใช่ของเล่นๆ - ถึงแม่ว่าจริงๆแล้วคุณสามารถซื้อ Windows Vista ได้ในราคาที่ถูกที่สุดแค่ $99 นั้นแต่จริงๆแล้ว คุณไม่ต้องการจะใช้ version ที่ถูกที่สุดอยู่ดี , version Home นั้นมันไม่เหมาะกับพวกเราแน่ๆ โดยเฉพาะผมคนนึง ที่ต้องการจะใช้ Windows Vista version Business หรือ Ultimate เพราะความอยากรู้อยากเห็นของใหม่ๆของพวกเรา จะมีจุดประสงค์อะไรที่จะเล่น version ที่ ไม่แตกต่างเท่าไรนักจาก Windows XP ถูกไหมล่ะครับ? ดังนั้นทาง M$ ก็เลยจะ charge คุณจากการ Upgrade จาก XP เป็น ultimate ในราคา 299$ หรือแบบ ful 399 นั้นเองซึ่งโหดร้ายไปหน่อย สำหรับพวกเราชาวไทยที่ ต้องการจะเล่น net, ทำงาน,ฟังเพลง ดูหนัง และเล่นเกมส์เท่านั้นเอง
3.) Windows Vista นั้นต้องการให้คุณซื้อ com ใหม่เพื่อ support ความสามารถใหม่มัน - ผมจะพูดถึง option ใหม่ๆใน Vista นะครับเช่น "ReadyBoost" และ "ReadyDrive," ซึ่งต้องการ hybrid หรือ flash drive ไม่งั้นจะทำงานไม่ได้, Aero Effect ซึ่งสวยงามจริงแต่จะไม่ work ถ้าหากคุณไม่มี card จอที่ support Pixle Shader 2.0, อีกอย่างใน Vista Ultimate นั้นคุณสามารถที่จะบันทึก HDTV จาก Cable TV ได้แต่ว่าคุณก็จะต้องมี TV tuner card ที่ support Vista ด้วยเช่นกันครับ, และสุดท้ายคุณก็ต้องมี card จอใหม่ที่ support Directx 10 ในการเล่นเกมส์ ในเรื่องของ H/W นั้นระบบ Index searching ทำได้ดีแต่ว่าคุณก็ต้องเสีย เนื้อที่ไปเยอะไม่ใช่เล่น, ในเรื่อง RAM แล้วการรัน Vista ที่ได้ผลที่สุดนั้นต้อง run ที่ RAM 4GB นะครับ ส่วน 2 GB นั้นพอใช้ และ 1 GB นั้นอย่าให้พูดเลยครับ แล้วเรื่อง Areo Effect Eyecandy นั้นก็ต้องการจอ LCD ที่ใหญ่ถึง 20' เพื่อให้ความ perfect ในการใช้งานครับ จริงอยู่นะครับที่คุณสามารถใช้งาน Vista ในเครื่อง PC เก่าของคุณแต่ ยังไงคุณก็ไม่สามารุที่จะดึงความสามารถของ Vista ได้เต็มที่ซึ่งครับเปรียบได้กับ การสมัครบริการ HDTV แต่ไม่มี TV ที่ support HDTV ได้นั่นเองครับ - ยังมีเรื่องเวลาในการลง Vista OS ใหม่อีกนะครับที่จะทำให้เราต้องเสียเวลารอ และ config ระบบ ให้เข้ากับตัวเราถึงแม้ว่ามันจะมีระบบ support ในการ transfer setting จาก XP ก็ตามแต่โปรแกรมที่ลงไปแล้วนั้น จะไม่ work นะครับ ต้องเป็นโปรแกรมที่ลงใหม่เท่านั้นถึงจะดึงเอามาได้ครับ แถมซ้ำถ้าหากคุณเอา Vista ไปลงใน com เก่านะครับดีไม่ดีไม่รู้ว่า driver จะ support ไหมนะครับ ทำให้เสียเวลาเปลี่ยน OS ไปมา ซึ่งสรปแล้วถ้าหากคุณทำใจปล่อยเรื่อง Vista ไปศักระยะนึงก่อนที่จะได้เล่นจริงๆแล้วนะครับ ก็จะทำให้ประหยัดเวลา และการที่จะเหนื่อยจากการเจอปัญหาในเวลานี้ครับ
4.) Windows Vista ยังไม่ใช่ที่สุด - ในตอนนี้ Windows Vista นั้นใช่ว่าจะดีกว่า XP เนื่องจากว่าการที่ได้ออกมาใหม่ในตอนนี้นั้น ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นใน XP แต่อย่างใดซึ่งใน XP เองแล้วนั้นในปีนี้ M$ ก็ได้ plan ที่จะออก SP3 มาอีกด้วยซ้ำซึ่ง ทาง M$ เองก็ได้ยอมรับว่าในอีก 7 ปีต่อไปข้างหน้า XP จะมีคนใช้ 77% และ Vista เพียงแค่ 12% เท่านั้น ดูๆไปแล้ว ยังเห็นว่าริบหลี่ๆอยู่เลยคงต้องรอดูไปอีกยาวถ้าหากเป็นจริง ตามที่ M$ พูดครับ
5.) MAC อาจเป็นอีกทางเลือกนึงแทน Vista - Macintosh ในขณะนี้นั้นก็ได้มีการทำตลาดอย่างใหญ่หลวงในด้าน iPod และ iPhone ที่กำลัวงจะเปิดตัว และสิ่งที่เด็ดในตอนนี้นั่นก็คือ การที่เครื่อง MAC สามารถลง OS Windows ได้สำเร็จแล้วอีกด้วย ซึ่งคนที่อยากได้จอสวยๆ เครื่อสวยๆปึ่มเนียนๆแบบ MAC ก็สามารถซื้อได้ในตอนนี้เพราะราคาก็ถูกลงมา ซ้ำในตอนนี้ยังมีการที่ออก OS ใหม่ Leopard มาแข่งกับ VIsta อีกด้วย ซึ่งอาจเป็นอีกทางเลือกนึงนะครับ ก็ต้องรอดูต่อไป ผมเชื่อว่า ในขณะนี้นั้น MAC เองสามารถที่จะนำ Vista มาลงในตัวเครื่องได้แล้วใช้ได้ไม่มีปัญหา ในสักเท่าไรแต่ก็ยังไม่แน่ใจผลข้างเคียงต่างๆนาๆที่อาจตามมาได้
ุ6.) Windows Vista ตอนนี้ยัง crack ได้ไม่สมบูรณ์เท่าไร - จากประสบการณ์ตัวเองนะครับ ทำให้รู้ได้ว่า Vista เองนั้น ถ้าหากจะ crack แล้วก็ยัง crack ได้ไม่ stable เท่าไร บางคนทำติดได้ไม่ได้ ถ้าหากผิด step นึงถึงกับต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่แรกทำให้เสียเวลามาก แล้วอีกอย่างตัว WGA ที่ check license ของ Windows นั้นก็เริ่มเถื่อนขึ้นเรื่อยๆใน Vista ซึ่งอาจจะมีโอกาสที่จะทำให้การ crack เป็นเรื่องที่ยากมากอีกด้วยนะครับ เนื่องจากว่า M$ นั้นทราบดีและเข้าใจถึงการสูญเสียใน Windows XP มาแล้ว และในครั้งนี้ M$ ได้เรียนรู้แล้วซ่อนอะไรบางอย่างไว้ใน Vista อีกด้วยครับ ซึ่งก็ยังเป็นความลับอยู่อีก เหมือนกันครับ อ้างอิงจาก M$ แล้วเค้าบอกว่า เค้าไม่กลัวเรื่องการ crack ใน Vista เด็ดขาดเพราะเรามีระบบป้องกัน ชั้นดีไว้แล้ว ซึ่งจะไม่เหมือนกับการที่ XP ได้เจอมา ผมก็"ม่รู้ว่ามันจะเชื่อได้แค่ไหน อาจเป็นการขู่ก็ได้แค่ผมเชื่อว่า คนเรามันคงไม่โง่ขนาดปล่อยให้ทำได้เป็นรอบที่ 2 แน่ๆจะต้องมีวิธีการแก้ไขซึ่งทำให้เราๆต้อง crack Vista ในแบบใหม่ๆเท่านั้นครับ
ก็หวังว่าที่ผมได้เรียบเรียงมานี้จะเป็นประโยชน์เปิดทางให้ท่านทั้งหลายนั้นได้เข้าใจและคิดกว้างขึ้นสำหรับระบบ OS ใหม่ Windows Vista ที่ได้ออกมานะครับ

ที่มา http://www.tlcthai.com

วันจันทร์, พฤศจิกายน 5

9 อุปกรณ์ IT ในวันวานที่ยังจำได้

หากคุณ อายุ 22- 40 ปี คุณอาจจะจำเพื่อนเก่าเหล่านี้ของคุณได้...
วันนี้เราขอพามาย้อนอดีตรำลึกอุปกรณ์พวก Gadget และการสื่อสารที่เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบของเทคโนโลยีจนกลายเป็นอุปกรณ์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ แหม! ดูทีไรมันอดอมยิ้มไม่ได้ซินะ พอดีเราไปค้นเจออุปกรณ์เก่าๆ ในบ้านสมัยเด็กๆ เข้าให้เลยเป็นแรงบัลดาลใจให้ทำเป็นเรื่องราวในวันนี้ขึ้นมา เพราะทุกครั้งเวลาไปเจออุปกรณ์เก่าๆ ทีไรมักทำให้อดคิดถึงเรื่องราวตอนที่ใช้งานมันทุกที สรุปแล้วใครที่เข้ามาอ่านบทความในวันนี้ เราจะบอกว่าคุณเริ่มแก่แล้วนะ อิอิ กลายเป็นบทความรวมพลคนสูงอายุไปในตัวเลยก็แล้วกัน

♥ ชิ้นที่ 1 Game and watch จุดกำเนิดความฝันยามเด็ก
ของเล่นยอดฮิตของเด็กสมัยยุค 80 ไปโรงเรียนต้องแอบพกพาไปเล่นด้วย เราเคยร้องกระจองอแง รบเร้าให้พ่อซื้อให้ ร้องจนคอแห้งไปหลายวัน ในที่สุดก็ได้ ฮ่าๆๆ เด็กนิสัยไม่ดี ซื้อแถวของถมในสมัยนั้นในราคา 500 บาท ปัจจุบันนี้ยังเก็บรักษาเป็นอย่างดี Game and watch ในปัจจุบันได้พัฒนากลายมาเป็นเครื่องเล่นเกมส์พกพาสารพัดรูปแบบ แม้กระทั่ง Sony PSP หรือ Nintendo DS Lite
มันคือของเล่นสุดยอดความฝันของเด็กยุคนั้นจริงๆ ถ้าใครมีเล่นและได้จับจองเป็นเจ้าของจะรู้สึกดูเท่ห์พิกล ก็ในสมัยนั้นคอมพิวเตอร์มันยังไม่มีนี่คะ เล่นแต่เกมส์เศรษฐีแบบเป็นกระดานกระดาษ ที่ต้องเอาแบ๊งค์ปลอมๆ ไปซื้อ โฉนดที่ดิน กับโรงแรม พอเจอเจ้า Nintedo แบบนี้เข้าไปเลยกลายเป็นจุดเปลี่ยนของเด็กยุคนั้น
♥ ชิ้นที่ 2 Family Computer หรือ Famicom สุดยอดของเล่นที่เด็กทั่วโลกอยากครอบครอง
เป็นเครื่องเล่น VDO Game ที่ฮิตต่อมาจาคยุคสมัยของอาตาริ และเป็นต้นกำเนิดตัวละครมาริโอที่โด่งดังไปทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้ ในสมัยก่อนจำได้ว่าเครื่อง Famicom เมื่อสักยี่สิบปีที่แล้ว ราคาเริ่มต้นที่เครื่องละ 3200 บาทแถมเกมส์สุดติงต๊อง 24Kb ให้หนึ่งตลับ เป็นVDO เกมส์ในยุคพลิกประวัติศาสตร์สามารถเปลี่ยนตลับเกมส์และภาพมีความสวยสดงดงาม มีเกมส์ให้เลือกหลายแบบ ตั้งแต่ 24 k , 48 , 64k , 128k และ 256 k หาก K ยิ่งสูงเกมส์ก็จะยิ่งสนุกเพราะมีเรื่องราวและกราฟฟิคที่บรรจุได้เต็มรูปแบบ ในสมัยนั้นหากใครจะซื้อเกมส์คงต้องรวยเอามากๆ โดยเฉพาะตลับเกมส์ที่มีแต่ของแท้ ทำให้เกิดธุรกิจแลกเปลี่ยนเกมส์ขึ้นมา ยังจำร้านม้าไม้ และร้านมาริโอที่ มาบุญครองได้ไหมคะ มันคือแหล่งความฝันของเด็กๆ ที่ไปยืนเกาะตู้กระจกดูเช้าดูเย็น แต่หากเสาร์อาทิตย์ว่างๆ ก็ตลาดปีนังแถวคลองเตยเลยค่ะแหล่งเกมส์มันส์ๆ มีร้านให้แลกเกมส์เพียบ
สำหรับใครที่พอจะมีตังค์มากหน่อยก็อาจจะซื้อ Disk system มาเสริมกับ Famicom ซึ่งจริงๆ มันก็คือ Drive A ธรรมดานี่แหละกับแผ่น Disk ที่คล้ายๆ กับของ PC ที่เราใช้งานกันอยู่ แต่ Disk system แบบนี้สามารถใช้ถ่านหรือหม้อแปลงก็ได้ และที่สำคัญเกมส์มันจะสนุกและถูกกว่าซื้อตลับเยอะเลย
ในสมัยนั้นจำได้ว่าบ้านไหนมี Famicom รับรองว่าคุณจะเป็นคนที่เพื่อนรักที่สุดในกลุ่มเลยล่ะ แล้วเสาร์อาทิตย์หรือหลังเลิกเรียนที่บ้านก็จะมีเพื่อนมาร่วมสุมหัวจนค่ำ มากันเพียบหัวกระไดไม่แห้ง ยิ่งกว่าโดนสเน่ห์ยาแฝดซะอีก จนมาปัจจุบัน Nintendo กลายมาเป็นรุ่น Wii ที่พัฒนากันมาไกลจากยุค Famicom มากทีเดียว คิดถึงสูตร 30 ตัวของเกมส์คอนทราจริงๆ เลย ขึ้นๆ ลงๆ ซ้ายขวา ซ้ายขวา A B Start อิอิ!
♥ ชิ้นที่ 3 กล้องฉายภาพสไลด์ View Master อุปกรณ์หลอกเด็กหลังเลิกเรียน
อันนี้เป็นของเล่นอีกชิ้นหนึ่งที่เด็กยุคก่อนต้องเคยเป็นเจ้าของหรือเคยเล่นมาก่อนเป็นกล้องที่เอาภาพสไลด์ใส่แล้วส่องดู สไตล์แบบ Analog แต่เดี๋ยวนี้มันยุคดิจิตอลแล้วค่ะ เดี๋ยวนี้เวลาจะดูภาพถ่ายก็ใช้เป็นไฟล์ภาพแล้วไปดูกับพวกเครื่อง PDA หรือ Ipod
สำหรับกล้อง Viewmaster แบบนี้ไม่ใช่ของเล่นไฮโซอะไรมากนัก เพราะจำได้ว่าเมื่อก่อนตอนโรงเรียนเลิกที่หน้าโรงเรียนมักจะมีพ่อค้าหนังแผ่นแบบนี้เอามาให้เช้าดูหนังฟิล์มแบบหนังไทย มีตั้งแต่หนังผี ยันหนังตลก ตามงานวัดก็เห็นออกบ่อยที่จะมีพ่อค้าหนังเร่ เอากล้องแบบนี้ให้เช่าดูหนังแบบภาพนิ่ง ซึ่งก็เป็นฟิล์มหนังจริงๆ แต่เค้าตัดออกมา ดูแล้วอย่างกับเทลเลอร์หนังในปัจจุบัน เพราะตัดเอาเฉพาะภาพไฮไลท์เด็ดๆ ในแต่ละช่วงของหนังทั้งเรื่องมาทำให้เช่าดู ครั้งละ 5 บาท

♥ ชิ้นที่ 4 โทรศัพท์เคลื่อนที่ อิริคสัน ฮ๊อตไลน์ ใหญ่แต่เท่ห์
แทบไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าแค่สิบกว่าปี โทรศัพท์มือถือยุคปัจจุบันมันเล็กขนาดใส่กระเป๋าเสื้อได้สบายๆ สำหรับเจ้าโทรศัพท์อิริคสันรุ่นแรกนี้เราเห็นครั้งแรกตอนเด็กๆ ยังอึ้งกับขนาดว่า ไม่น่าเชื่อว่าเราจะสามารถแบกโทรศัพท์ไปคุยนอกบ้านได้แล้ว ต้องใช้คำว่าแบกนะคะเพราะเครื่องมันหนักเป็นกิโลเลยล่ะ เครือข่ายสมัยก่อนก็น่าจะเป็นคลื่นแบบ 470 MHz ส่วนราคาเปิดตัวในยุคนั้น มีร้องจ๊าก! เพราะเห็นใหญ่ๆ แบบนี้เครื่องละเป็นแสนเชียวค่ะ ส่วนค่าโทรก็มหาโหดนาทีละ 3 บาท แต่โทรทางไกลถูกหน่อย เลยมีพวกพ่อค้าหัวใสตามต่างจังหวัดเอาไปเปิดโต๊ะให้โทรทางไกลในราคาถูกลง ยอมลงทุนซื้อเครื่องราคาเป็นแสน แต่มันก็สามารถคืนทุนได้เร็ว ส่วนการจะนำไปใช้ในรถนี่ ต้องวัดใจกันเลยล่ะค่ะเพราะรถยนต์ที่จะเอาโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปติดในรถเพื่อคุยไปขับรถไปได้นั้น มันต้องเจาะกระโปรงรถเพื่อต่อเสาอากาศออกภายนอก ไม่งั้นรับคลื่นไม่ได้ มายุคสุดท้ายที่เราเห็นไอ้เจ้าโทรศัพท์แบบนี้ ส่วนมากกลายเป็นโทรศัพท์รุ่นขวัญใจชาวประมง เค้าเอาไปติดตามเรือประมงกัน ถ้ามายุคนี้ขืนยังแบกแบบนี้อยู่ คนคงจะงงคิดว่าจะมาวางระเบิดในห้างแน่ๆ

♥ ชิ้นที่ 5 Motorola Dynatac ฮิตไม่ฮิต กระติกน้ำยังต้องเลียนแบบ
โทรศัพท์ Motorola รุ่นกระติกน้ำ ชื่อจริงๆ คือรุ่น Dynatac ในระบบอนาลอค เป็นรุ่นที่ฮิตมากในอดีต เราเชื่อว่าในที่นี้หลายท่านก็คงเคยใช้ใช่ไหมคะ ในสมัยก่อนตัวแค่นี้ก็คือว่าเล็กแล้ว พกพากันเกลื่อนเมือง สมัยก่อนโทรศัพท์ระบบยังไม่ใช่ดิจิตอลคุยไปก็มีเสียงกวนเข้ามา และที่พิเศษสุดๆ เลยก็คือหากถือเครื่องแบบนี้ไปเดินคุยแถวร้านขายมือถือในมาบุญครอง อาจจะโดนจูนคลื่น แล้วก๊อปปี้ไปใช้โดยไม่รู้ตัวจะรู้อีกทีก็ตอนมีบิลเรียกเก็บตอนสิ้นเดือน แต่มันก็ฮิตขนาดจนมีคนเอาไปทำเป็นกระติกน้ำเลียนแบบหุ่นรูปทรง เอ!! ไม่แน่ใจว่ารุ่นนี้มี Bluetooth หรือเปล่า จำไม่ได้ อิอิ

♥ ชิ้นที่ 6 Pager อุปกรณ์สร้างความรักของเด็กวัยรุ่นยุค 90
ไม่รู้เดี๋ยวนี้หายหน้าหายตากันไปไหนหมดแล้ว บางคนที่มีเก็บอยู่ก็เอาไปทำนาฬิกาปลุกบนหัวเตียงซะแล้ว เจ้า Pager นี้มันคือเครื่องมือสื่อสารยอดนิยมของเด็กวัยรุ่นยุคต้นปี 90 เมื่อก่อนมักจะได้ยินเวลาวัยรุ่นพูดกันว่า "เดี๋ยวถ้ามีอะไรจะเพจไปบอกนะ" ซึ่งการใช้งานก็ต้องโทรเข้าศูนย์ไปฝากข้อความ มันก็เขินนะ ถ้าจะฝากคำหวานๆ เวลาจะบอกแฟนแล้วต้องผ่านโอเปอเรเตอร์ที่ศูนย์ มายุคนี้ Pager หายสาบสูญไปจากโลกนี้กลายเป็น SMS แทน เพราะสะดวกไม่ต้องไปบอกคำหวานหรือความลับผ่าน โอเปอเรเตอร์อีกแล้ว ผู้ให้บริการ Pager ต่างก็เลยเก็บข้าวเก็บของไปหางานด้านอื่นทำกันหมดแล้ว แต่มันก็คืออุปกรณ์ในความทรงจำที่หลายๆ คนต้องเคยพกมันอย่างแน่นอน

♥ ชิ้นที่ 7 Sony Walkman ต้นกำเนิดเสียงเพลงพกพา
Sony Walkman เด็กๆ เราอยากได้มาก แต่มันแพงมากเกินเอื้มเครื่องละประมาณ พันห้าร้อยบาท เรายังจำได้เลย มีวิทยุกับเครื่องเล่นเทปในตัว ในปัจจุบัน walkman กลายพันธุ์พัฒนามาเป็นเครื่องเล่นเพลงพกพาในปัจจุบัน หลายชนิดแม้กระทั่ง iPOD เอ!! หรือว่า สตีฟ จ๊อบ เขาจะติดใจได้แรงบันดาลใจมาจาก Walkman ก็เป็นได้ว่าไหมคะ

♥ ชิ้นที่ 8 วีดีโอเทป ชอบขึ้นรา
เดี๋ยวนี้ถ้าไปตามห้างแล้วจะไปบอกพนักงานว่าจะมาซื้อเครื่องเล่น VDO สงสัยพนักงานต้องทำหน้า งงๆ กันแน่ เพราะมันถึงยุค DVD กันแล้ว สำหรับ VDO เทปและเครื่องเล่นสมัยนี้แทบจะหาไม่ได้แล้วเพราะมันสูญพันธุ์ไปอย่างรวดเร็วเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง หลังจากโดนกระแส VCD และ DVD ถล่มซะย่อยยับ เมื่อก่อนเวลาไปเช่าหนังตามร้าน ต้องแบกกันไปหนักอึ้งยิ่งเป็นหนังจีนชุดล่ะก็ แบกกันเป็นสิบๆ ม้วน แถมยังต้องหาซื้อเครื่องกรอเทปไว้ที่บ้านอีกต่างหาก เพราะกรอกับเครื่อง VDO เดี๋ยวจะพังเร็ว และที่สำคัญ VDO เทปแบบนี้เก็บนานๆ ชอบขึ้นราทุกที เฮ้ออ มันหายไปจากโลกนี้แล้วล่ะค่ะ

♥ ชิ้นที่ 9 แผ่นดิสก์ขนาดมหึมา 5.25 นิ้ว
ความทรงจำที่ยังไม่เลือนลางกับ แผ่น ดิสก์ ขนาด 5.25 นิ้วซึ่งปัจจุบันหาดูไม่ค่อยได้ ตัว Drive ก็มีขนาดใหญ่พอๆ กับ CD Rom ใส่แผ่นแล้วต้องมีตัวล๊อคหมุนปิดลงมา เวลาเลิกใช้เอาแผ่นออกก็หมุนล๊อคแล้วแผ่นก็เด้งออกมา ปัจจุบันสื่อเก็บข้อมูลพัฒนาไปจนมีขนาดเล็กและความจุสูงเป็น GB อย่าง Flash Drive ขนาดเล็กๆ ตัวเท่านิ้วก้อย ก็เก็บข้อมูลได้เป็น GB แล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ใครยังใช้ดิสก์แบบนี้อยู่อีกหรือเปล่า

สำหรับเรื่องราวในวันนี้ก็เป็นเรื่องราวของอุปกรณ์ในอดีตที่เรียกว่าเป็นเครื่องต้นแบบทำให้เรามีเทคโนโยแบบแปลกใช้กันในวันนี้ หลายคนเห็นภาพแล้วอาจจะแอบยิ้มว่า ฉันก็เคยใช้นะได้เครื่องรุ่นนี้ รุ่นนั้นด้วย ก็เป็นความทรงจำเก่าๆ ที่เราเอามาให้ดูกันผ่อนคลายอารมณ์ค่ะ แล้วก็เลยกลายเป็นบทความรวมพลคนสูงอายุไปในตัวด้วย ฮ่าๆๆ แต่เรายังไม่แก่นะ เพียงแต่เกิดทันยุคที่เขาใช้กันต่างหาก
สรุปทิ้งท้ายกันอีกสักหน่อยละกัน เห็นไหมค่ะว่าเทคโนโลยีมันเปลี่ยนเร็วแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นสินค้าแพงระดับเรือนแสน หากเป็นสินค้าเทคโนโลยียังไงมันก็จะกลายเป็นวัตถุโบราณราคาแพงที่บางทีเก็บเอาไว้ก็ไม่เคยกลับไปใช้มันอีกเลย มีเงินมีทองก็อย่าไปจับจ่ายกับสินค้าพวกนี้มากนะคะเพราะยังไงเราก็ไม่มีทางวิ่งตามมันทันอย่างแน่นอน แค่ศึกษาอ่านและเก็บความรู้ให้เท่าทันมันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ แค่นี้เราก็เป็นคนที่ทันเทคโนโลยีสมัยใหม่ตลอดเวลาแล้วล่ะค่ะ
ที่มา : Forward mail

วันเสาร์, พฤศจิกายน 3

Seminar.•°★ first Sat.

.·´¯`·.¸•:::`°.•°★ สวัสดีค่ะ ขอแนะนำตัวนิสค่ะ ดิฉัน น.ส.บงกช อนันต์ลาภมงคล 48234719 บธ.คพ.48.บ2.02

สำหรับวิชาสัมนาทางคอมพิวเตอร์ธุรกิจในวันเสาร์นี้ อาจารย์ได้มอบหมายงานมาค่ะ ให้มาทำ blog และหาข่าว IT ทุกๆ สัปดาห์ค่ะ และได้มีการแบ่งกลุ่มสัมนากลุ่มย่อย ซึ่งวิชานี้ถือเป็นวิชาสุดท้ายของพวกเรา bcom48 ล่ะค่ะที่จะได้เรียนในหลักสูตรนี้(เย้.! จะจบแล้ว) เราทั้งหมดจะได้ทำกิจกรรมร่วมกัน การทำงานร่วมกันจะทำให้เราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และสนุกสนานไปกับการทำงานร่วมกัน ซึ่งต้องอาศัยความรับผิดชอบของทุกๆ คน งานจึงจะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีค่ะ ก็ขอให้ทุกคนเต็มที่ค่ะ
สู้ว้อย.!

ตะลึง!! "ทีวีติดแว่นตา" ชีวิตอิสระคนยุคใหม่

ตะลึง!! "ทีวีติดแว่นตา" ชีวิตอิสระคนยุคใหม่


ญี่ปุ่นสุดยอดคิดแว่นตากันแดดกิ๊บเก๋ ติดตั้งจอ VGA ที่กระจกแว่นตา ให้อารมณ์เหมือนดูทีวีขนาดจอ 45 นิ้ว ราคา 3.7 หมื่นบาท สำนักข่าว เอ เอฟพี รายงานว่า บริษัท มัสซุนากะ (Masunaga) ผู้ผลิตแว่นตากันแดดของญี่ปุ่น จับมือกับ บริษัท สกาลา (Scalar) ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สัญชาติญี่ปุ่นด้วยกัน ผลิตแว่นตากันแดดที่สามารถดูทีวีได้ ชื่อ “Teleglass T4-N” โดยฝังหน้าจอมอนิเตอร์ VGA ไว้ด้านในของแว่น ผู้สวมใส่จะเห็นภาพเหมือนกำลังดูทีวีหน้าจอ 45 นิ้วจากระยะ 2 เมตร ช่วยให้ดูทีวีได้ทุกที่ทุกเวลา โดยแว่นตาดังกล่าวมีน้ำหนัก 50 กรัม


ทั้งนี้ ทีวีติดแว่นตาจัดแสดง อยู่ในงานมหกรรมสินค้าเกี่ยวกับดวงตานานาชาติ (International Optical Fair) ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ราคา 1,100 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 37,000 บาท.